The economy could slow below
the government's target of 7.5 per cent. Anywhere else, such growth would be
to die for, but for China anything below seven per cent could see millions
joining the jobless - a prospect that could lead to social unrest.
What's the solution? More
stimulus or allowing the yuan to depreciate against the dollar.
That could be a lot of hot
air. For now, there is little appetite to do anything.
"They are sending out the message
that they want to stimulate the economy, but in reality that is not going to
happen," influential independent
The Chinese leadership has
been reluctant to throw money at its economic problems, like it did during
the economic crisis in 2008. Then it spent 4 trillion yen or $630bn dollars
to register growth of more than 9 per cent.
So why not spend the money?
Does
According to
Jonathan Kaimah goes on to
write in his Foreign Policy article,
The city borrowed almost $64bn
to build industrial and residential parks to attract big business.
In fact after
By the end of last year,
had a total debt burden
of $400bn - around the size of
It goes without saying that
such a huge buildup of debt could cripple the economy, damage global
prospects and seriously erode confidence in
"A bad year is not the end of the
world for the Party. The new leaders come in, turn things around in 2013 and
look like heroes," Tim Condon, head of Asian economic research at ING in
Singapore, told Reuters news agency, adding that aggressive stimulus would
thwart policies to fight speculation and rebalance the economy.
"What they seem to be
saying is that they are not going to take the easy way and double down on the
command and control policies, but stay on the course of market-oriented
reform," Condon said.
"That's a really positive
story - if it's true."
Aljazeera //
|
เศรษฐกิจของจีนอยู่ในภาวะชะลอตัว, รัฐบาลท้องถิ่นซ่อนหนี้ และแบงค์มีการกันเงินมากขึ้นเผื่อกรณีผิดนัดชำระ
เศรษฐกิจอาจจะชะลอต่ำกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่
7.5 เปอร์เซ็นต์ แน่นอนว่าที่ใดมีอัตราการเติบโต
ที่นั่นก็จะมีการพัฒนาเกิดขึ้น แต่นั่นไม่ใช่สำหรับจีน
เพราะอัตราการเติบโตทุกอย่างล้วนต่ำกว่า 7 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสะท้อนจากอัตราการว่างงาน
ซึ่งอาจนำไปสู่ความวุ่นวายทางสังคม
การแก้ปัญหาคืออะไร? กระตุ้นมากขึ้นหรือช่วยให้หยวนอ่อนค่าไปเมื่อเทียบกับดอลลาร์
จีนได้ประกาศโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ารวม
8ล้านล้านหยวน (1.26 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อพยายามที่จะสร้างความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจที่ดูเหมือนจะลดความร้อนแรงเร็วกว่าที่คาดการณ์
นั่นอาจดูเหมือนเป็นการสร้างบรรยากาศที่ร้อนแรง
ในขณะที่มีการดำเนินการต่อมาตรการดังกล่าวน้อยมากในตอนนี้
ซึ่งนั่นอาจเป็นเพราะจีนอยู่ในภาวะเปลี่ยนแปลง
และแต่งตั้งผู้นำพรรคคอมมูนิสต์รุ่นใหม่
"พวกเขากำลังจะส่งสารออกไปว่า
พวกเขาต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ในความเป็นจริงไม่มีอะไรเกิดขึ้น" Andy Xie นักเศรษฐศาสตร์อิสระผู้มีอิทธิพลของจีนกล่าวแต่สำนักข่าวรอยเตอร์
"เครื่องมือเดียวที่พวกเขาใช้อยู่ตอนนี้คือโฆษณาชวนเชื่อ."
ผู้นำจีนเกิดความลังเลในการทุ่มเงินให้แก่ปัญหาเศรษฐกิจ
เหมือนกับที่เคยทำมาก่อนเมื่อคราวเกิดวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2008 ตอนนั้นเงินถูกใช้ไป 4 ล้านล้านหยวน หรือ
630,000 ล้านยูเอสดอลลาร์ ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตมากกว่า 9%
ดังนั้นทำไมไม่ใช้จ่ายเงิน? หรือรัฐบาลปักกิ่งรู้บางสิ่ง
ซึ่งยังไม่ได้บอกส่วนที่เหลือแก่โลกภายนอก
อัตราส่วนหนี้สินของจีนต่อจีดีพีอย่างเป็นทางการของจีนอยู่ที่
16.3% แต่ปัญหาคือยังมีหนี้สินอีกจำนวนหนึ่งที่ถูกซ่อนไว้ซึ่งไม่ถูกรวม
เช่นหนี้ที่ถือโดยรัฐบาลท้องถิ่น และหน่วยงานกระทรวง
นักวิเคราะห์หลายสำนักคาดว่าหนี้สินรวมของรัฐบาลปักกิ่งอยู่ที่ 90 ถึง 160%
สอดคล้องกับที่สำนักงานตรวจสอบแห่งชาติของจีน
หากรวมตัวเลขหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่นเขาไว้ด้วยกันตัวเลขเมื่อสิ้นปี 2010 จะอยู่ที่ประมาณ
1.7 ล้านล้านเหรียญ หรือ 27%
ของจีดีพีประเทศ แต่ตัวเลขประมาณการณ์อื่น ๆ กลับใส่ตัวเลขที่มากกว่าเกือบสองเท่า
Jonathan
Kaimah ได้เขียนบทความนโยบายต่างประเทศไว้ในหัวข้อ
เทศบาลได้กู้ยืมเงินเกือบ
64,000 ล้านเหรียญเพื่อก่อสร้างศูนย์อุตสาหกรรม
และที่อยู่อาศัยเพื่อดึงดูดภาคธุรกิจขนาดใหญ่
ในความเป็นจริงหลังจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ของจีนก็เหมือนการต่อลมหายใจให้แก่ธนาคารจีนให้เดินต่อไปได้
จากปัญหาลูกหนี้บางรายในอุตสาหกรรมเหล็ก
เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมเหล็กของจีนมีภาระหนี้รวมอยู่ที่
4 แสนล้านเหรียญ - ประมาณขนาดของเศรษฐกิจของแอฟริกาใต้
โรงงานเหล็กชั้นนำบางแห่งของจีนมีพุ่งขึ้นไปถึง 2 – 3 แสนล้านหยวน (32 – 47 พันล้านเหรียญ) สอดคล้องกับตัวเลขของสมาคมเหล็กและเหล็กกล้าของจีน
มาตรการดังกล่าวอาจไปต่อได้
โดยไม่ต้องพูดถึงเรื่องหนี้สะสมที่อาจก่อให้เกิดความอ่อนเปลี้ยทางเศรษฐกิจ ทำลายความคาดหวังต่อเศรษฐกิจโลก
และสามารถกัดกร่อนความเชื่อมั่นของรัฐบาลปักกิ่ง
ผู้นำคนใหม่อาจมีแผนและมาพร้อมกับกลิ่นกุหลาบ
"ปีที่แย่
ๆ ไม่ได้จบไปพร้อมกับจุดจบของพรรค กลุ่มผู้นำใหม่ที่เข้ามา อาจพลิกโฉมเปลี่ยนแปลงในปี
2013 และดูเหมือนวีรบุรุษ"
Tim Condon, หัวหน้าฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจเอเชียแห่งไอเอ็นจีสิงคโปร์กล่าวแก่สำนักข่าวรอยเตอร์ เสริมด้วยมาตรการกระตุ้นเชิงรุกเพื่อขัดขวางนโยบายต่อสู้การเก็งกำไรและถ่วงดุลทางเศรษฐกิจ
"สิ่งที่พวกเขาดูเหมือนจะพูดคือ
พวกเขาไม่ดำเนินการในวิถีทางง่าย ๆ และถ่ายทอดอำนาจ สั่งการ และควบคุมนโยบาย แต่ก็ยังอยู่ในแบบแผนของการปฏิรูปเศรษฐกิจแบบชี้นำอยู่"
Condon กล่าว
"ถ้ามันเป็นความจริง
ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ"
|
1.05.2013
China new hope or more debt???
Labels:
China economic
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment
Thanks for comment!